
การพัฒนาโปรแกรมด้วย AL (Application Language) สำหรับ Dynamics 365 Business Central เป็นงานที่ต้องการทักษะเฉพาะที่หลากหลาย ทั้งในด้านการเขียนโค้ด การดีบัก การออกแบบระบบ และการจัดการโปรเจค โดยทักษะที่จำเป็นจะแตกต่างกันไปตามระดับของโปรแกรมเมอร์ ไม่ว่าจะเป็นระดับ Junior หรือ Senior บทความนี้จะอธิบายถึงทักษะที่จำเป็นสำหรับแต่ละระดับอย่างละเอียด เพื่อให้คุณมีความเข้าใจที่ชัดเจนและสามารถพัฒนาตัวเองได้ในสายงานนี้
ทักษะที่ Junior Programmer ควรมี
1.พื้นฐานการเขียนโปรแกรม (Programming Basics):
- Variables and Data Types: ควรมีความเข้าใจในการประกาศและใช้งานตัวแปร (Variables) และชนิดข้อมูล (Data Types) ต่าง ๆ เช่น Integer, Decimal, Boolean, และ Text
- Control Structures: การใช้โครงสร้างควบคุมการไหลของโปรแกรม เช่น If-Else, Case, For และ While loops ซึ่งจะช่วยให้สามารถควบคุมการทำงานของโค้ดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- Functions and Procedures: ความเข้าใจในการสร้างและใช้งานฟังก์ชัน (Functions) และขั้นตอนการทำงาน (Procedures) รวมถึงการส่งผ่านค่าระหว่างฟังก์ชัน
2.ความเข้าใจใน Syntax ของ AL (Understanding AL Syntax):
- Object Structure: Junior Programmer ควรเข้าใจโครงสร้างพื้นฐานของ AL เช่น การสร้างและปรับแต่งตาราง (Tables), หน้าจอ (Pages), และรายงาน (Reports)
- Trigger and Event Handlers: รู้จักกับ Triggers (เช่น OnInsert, OnModify) และการใช้งาน Event Handlers เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการพัฒนา
3.การทำงานกับ Business Central Objects:
- Tables and Fields: ความสามารถในการสร้างและแก้ไขตาราง (Tables) และฟิลด์ (Fields) ใน Business Central
- Pages: การออกแบบและปรับแต่งหน้าจอ (Pages) เพื่อแสดงข้อมูลที่เหมาะสมและใช้งานได้ง่าย
- Reports: การสร้างรายงานที่มีประสิทธิภาพ การใช้งาน Layouts และ Data Items เพื่อดึงข้อมูลที่ต้องการ
4.การดีบักเบื้องต้น (Basic Debugging):
- Breakpoints: การใช้ Breakpoints เพื่อตรวจสอบการทำงานของโค้ดทีละขั้นตอน โดยตั้งค่าให้โปรแกรมหยุดในบรรทัดที่ต้องการตรวจสอบ เพื่อให้สามารถดูค่าของตัวแปรและตรวจสอบการทำงานได้
- Variable Inspection: การตรวจสอบค่าตัวแปร (Variable Values) ในระหว่างที่โปรแกรมหยุดที่ Breakpoint เพื่อวิเคราะห์ข้อผิดพลาด
- Step Over, Step Into, Step Out: ความสามารถในการใช้คำสั่งเหล่านี้เพื่อตรวจสอบการทำงานของโค้ดอย่างละเอียด ทั้งการข้าม การเข้าไปในฟังก์ชัน และการออกจากฟังก์ชัน
5.การอ่านและเข้าใจโค้ดของผู้อื่น (Code Reading and Understanding):
- Code Review: Junior Programmer ควรมีความสามารถในการอ่านและเข้าใจโค้ดของผู้อื่น เพื่อเรียนรู้และพัฒนาความสามารถของตนเอง
- Documentation: การทำความเข้าใจเอกสารประกอบโค้ด (Code Documentation) เพื่อทำความเข้าใจการทำงานของโปรแกรม
6.การจัดการข้อมูล (Data Management):
- Data Manipulation: การจัดการและการดึงข้อมูลจากตาราง (Tables) และ Query ด้วยคำสั่งพื้นฐาน เช่น INSERT, MODIFY, DELETE และ SETFILTER
- Data Validation: การตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล (Data Validation) ก่อนที่จะทำการบันทึกลงในระบบ
7.การใช้งาน Extension (Extension Development):
- Creating Extensions: ความสามารถในการสร้างและปรับแต่ง Extensions เพื่อต่อยอดความสามารถของ Business Central
- Publishing and Managing Extensions: การเผยแพร่และจัดการ Extensions บน Business Central, รวมถึงการทำงานกับ Extension Versioning
8.พื้นฐานของ Web Services และ APIs (Basic Web Services and APIs):
- OData and SOAP: เข้าใจพื้นฐานของการใช้งาน OData และ SOAP ในการติดต่อกับ Business Central ผ่าน Web Services
- Basic API Integration: การใช้งาน REST API ในการดึงและอัพเดตข้อมูลระหว่างระบบต่าง ๆ กับ Business Central
ทักษะที่ Senior Programmer ควรมี
1.การออกแบบและสถาปัตยกรรมซอฟต์แวร์ (Software Design and Architecture):
- System Design: Senior Programmer ต้องมีความสามารถในการออกแบบระบบโดยคำนึงถึงความสามารถในการขยาย (Scalability) และความยืดหยุ่น (Flexibility)
- Modular Design: การออกแบบโมดูลที่แยกส่วน (Modular) และสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น การออกแบบในลักษณะนี้ช่วยให้ระบบสามารถขยายตัวและบำรุงรักษาได้ง่าย นอกจากนี้ยังช่วยให้สามารถพัฒนาโมดูลที่นำกลับมาใช้ใหม่ (Reusable) ในโปรเจกต์อื่นได้บ
2.ความเชี่ยวชาญใน AL และ Dynamics 365 Business Central (AL and Dynamics 365 Business Central Expertise):
- Advanced AL Coding: Senior Programmer ต้องมีความชำนาญในการเขียนโค้ดที่ซับซ้อนใน AL โดยใช้ฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น การทำงานกับ Codeunits, การจัดการกับ TryFunctions, และการพัฒนาฟังก์ชันที่ต้องการประสิทธิภาพสูง
- Performance Optimization: การปรับปรุงประสิทธิภาพ (Performance) ของโค้ด เช่น การลดเวลาการประมวลผล และการเขียนโค้ดที่ลดการใช้ Resources
3.การบริหารจัดการโครงการและทีมงาน (Project and Team Management):
- Agile Methodology: ความเข้าใจในกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์แบบ Agile และการประยุกต์ใช้ในโครงการจริง เช่น การทำงานใน Scrum Teams, การจัดการ Sprints และการใช้งาน Jira หรือ Trello ในการติดตามงาน
- Team Leadership: ทักษะการเป็นผู้นำทีม (Leadership) การมอบหมายงาน (Task Delegation) และการให้คำปรึกษา (Mentorship) เพื่อพัฒนาทักษะของทีม
4.ทักษะการดีบักขั้นสูง (Advanced Debugging Skills):
- Complex Problem Solving: ความสามารถในการดีบักปัญหาที่ซับซ้อน เช่น การวิเคราะห์ Memory Leaks, การตรวจสอบ Stack Traces และการใช้ Conditional Breakpoints เพื่อวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้นในสถานการณ์เฉพาะ
- Debugging Logs: การใช้ Debugging Logs ช่วยให้สามารถติดตามการทำงานของโปรแกรมในเชิงลึก โดยบันทึกเหตุการณ์หรือค่าตัวแปรสำคัญที่เกิดขึ้นระหว่างการทำงานของโปรแกรม การตรวจสอบ Logs เหล่านี้จะช่วยให้ระบุปัญหาได้ง่ายขึ้น
5.การให้คำปรึกษาและการสอนงาน (Mentorship and Teaching):
- Code Review and Guidance: การทำ Code Review อย่างละเอียด เพื่อปรับปรุงคุณภาพของโค้ด และให้คำแนะนำกับโปรแกรมเมอร์รุ่นน้องในการพัฒนาทักษะ
- Knowledge Sharing: การจัดทำเอกสารประกอบการพัฒนา (Technical Documentation) และการจัดการอบรม (Training) เพื่อแบ่งปันความรู้กับทีมงาน
6.การทดสอบและการประเมินผลโค้ด (Testing and Code Review):
- Unit and Integration Testing: ความสามารถในการเขียน Unit Tests และ Integration Tests ที่ครอบคลุม เพื่อให้แน่ใจว่าโค้ดทำงานได้ถูกต้อง
- Automated Testing: การใช้งานเครื่องมือ Automated Testing เพื่อลดความผิดพลาดจากการทดสอบด้วยตนเอง และเพิ่มความเร็วในการพัฒนา
7.การจัดการกับระบบขนาดใหญ่ (Managing Large Systems):
- Scalability: ความสามารถในการออกแบบและจัดการระบบที่รองรับการขยาย (Scaling) ของผู้ใช้งาน และปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้น
- Data Migration: การวางแผนและดำเนินการย้ายข้อมูล (Data Migration) จากระบบเก่าไปยังระบบใหม่โดยไม่สูญเสียข้อมูล
8.การพัฒนา API และการรวมระบบ (API Development and Integration):
- Custom APIs: การออกแบบและพัฒนา Custom APIs เพื่อการรวมระบบ (System Integration) ระหว่าง Business Central กับระบบอื่น ๆ
- Advanced Web Services: ความเชี่ยวชาญในการใช้งาน OData, SOAP และ RESTful APIs ในการดึงและอัพเดตข้อมูลระหว่างระบบต่าง ๆ
9.การจัดการความปลอดภัย (Security Management):
- Security Best Practices: การพัฒนาโค้ดให้สอดคล้องกับ Security Best Practices เช่น การป้องกัน SQL Injection, การจัดการกับข้อมูลที่เป็นความลับ (Sensitive Data) และการทำ Encryption
- User Authentication and Authorization: การตั้งค่าและจัดการกับระบบ Authentication และ Authorization เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ใช้งานมีสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลตามที่กำหนด
10.การจัดการ Deployment และ Release (Deployment and Release Management):
- CI/CD Pipelines: การใช้งาน Continuous Integration และ Continuous Deployment (CI/CD) เพื่อลดเวลาการนำโค้ดเข้าสู่ Production และลดความผิดพลาดที่เกิดจากการ Deployment
- Version Control: ความเชี่ยวชาญในการใช้งาน Git หรือระบบ Version Control อื่น ๆ เพื่อจัดการกับโค้ดในโปรเจคที่มีทีมงานหลายคน
สรุป (Conclusion)
การเป็น Junior และ Senior Programmer ใน AL Programming มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนในด้านทักษะและประสบการณ์ที่จำเป็น ในขณะที่ Junior Programmer ควรมีความเข้าใจในพื้นฐานและการพัฒนาเบื้องต้น Senior Programmer ต้องมีความเชี่ยวชาญในเรื่องการออกแบบระบบ การจัดการทีมงาน การพัฒนา API การทดสอบและประเมินผลโค้ด การจัดการกับระบบขนาดใหญ่ และการรักษาความปลอดภัย การพัฒนาทักษะเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถก้าวหน้าในสายงานและสร้างผลงานที่มีคุณภาพสูงสุดได้
